ส่งต่อความรู้สึกจากคนทำงาน ที่เรียกว่า “ประธาน”
ปุ๋ยอินทรีย์เกษตรไทยเป็นองค์กรธุรกิจภาคเอกชน ที่มองเห็นถึงความสำคัญของสุขภาพมนุษย์ และสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นสมบัติสาธารณะที่มวลมนุษย์ควรจะมีส่วนร่วมในการดูแลรักษา เพื่อนำไปสู่สังคมที่น่าอยู่ เศรษฐกิจที่ยั่งยืนและเป็นธรรม
20 ปีที่แล้วเราจึงโดดลงมาเข้าร่วมกระแสโลกที่พูดถึงเรื่อง “สิ่งแวดล้อม” โดยให้ความสนใจลึกลงไปในส่วนที่เป็นความถนัดขององค์กรและเป็นวัฒนธรรมของชนชาติ คือ “เกษตรกรรม”
ภายใต้เทรนด์ของโลก ณ ขณะนั้นคือ “Organic” โดยประเทศไทยขานรับด้วยการกำหนด “เกษตรอินทรีย์เป็นวาระแห่งชาติ” เพื่อต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร ภายใต้แนวคิด “อาหารปลอดภัย” โดยกำหนดนโยบายช่วงต่อมาเป็น “ครัวไทยสู่ครัวโลก” รวมถึง “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ที่ประชาชนชาวไทยพร้อมน้อมรับใส่เกล้าใส่กระหม่อม นำไปเป็นหลักปฏิบัติในการดำรงชีวิต และการดำเนินธุรกิจ ผลพลอยได้ของการปฏิบัติดังกล่าวจะนำมาซึ่ง สุขภาพที่ดี สิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์และยั่งยืน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นไปตามเทรนด์ของโลกทั้งสิ้น
เราตื่นเต้นและเร่งรีบ ทำงานตามกระแสโลกและนโยบายรัฐด้วยความสุข และความนิยมชมชอบ ด้วยเรามีความเชื่อดังกล่าวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วว่า ความสัมพันธ์กันของสุขภาพ สิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ เป็นไปในทิศทางที่แปรตามกัน โดยเราพยายามแสวงหาองค์ความรู้มาสู่การปฏิบัติ นำไปสู่การสร้างเครือข่ายและส่งต่อประสบการณ์ไปสู่ผู้คนที่สนใจ
เราเป็นองค์กรธุรกิจที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้อยู่รอดให้ได้ ภายใต้สนามการค้าที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง ดังนั้นเราต้องมีความคิดสร้างสรรค์ ต้องแปลเป็นงานหรือผลิตภัณฑ์ให้รวดเร็ว ต้องควบคุมต้นทุนให้ได้ ต้องสร้างเครือข่ายให้เป็น ต้องอดทน และอีกมากมายที่ต้องมีหรือต้องเป็น แต่เป็นเพราะเราเลือกแล้วที่จะทำเกษตรกรรม ไม่ใช่ลงมาทำแบบคนส่วนใหญ่ที่ไม่มีทางเลือก เราจึงสร้างเรื่องราวของเรา โดยเริ่มต้นจาก “ต้นน้ำ” คือ ทำปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย วัสดุปลูก สมุนไพรไล่แมลง และอื่นๆ ที่ไม่พึ่งพาสารเคมี มาสู่ “กลางน้ำ” โดยชักชวนสร้างเครือข่ายทำสินค้า Organic โดยการส่งเสริมปลูกผัก มะม่วง และกาแฟ โดยมีเป้าหมาย “ปลายน้ำ” คือการรับซื้อกลับมาขายสดหรือแปรรูป ตอกย้ำความเป็นตัวตนของเราที่หลงไหลในการทำการเกษตรโดยไม่พึ่งพาสารเคมี ด้วยการทำร้านอาหารชื่อ KTF Organic Land ภายใต้แนวคิด Farm to table รวมถึงร้านขายผักสดและผลไม้แปรรูป ในรูปแบบการขายสมัยใหม่ โดยใช้ Social Network แบบ Real time บนความท้าทายที่จะไปต่อด้วยการนำ “นวัตกรรม” เข้ามาจัดการร่วมกับเกษตรกรรม ทำสินค้าภาคการเกษตรให้มีมูลค่าเพิ่ม
วันนี้เรื่องราวของเราเดินมาเกือบสุดเส้นทางแล้ว ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ และนวัตกรรมบนถนนที่มีระยะทางแห่งความอดทน และความยาวนานแห่งความคิดในเชิงบวก ตลอดเส้นทางเราสร้างเครือข่าย และเปิดโอกาสให้กับทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ และผลประโยชน์ ภายใต้หลักการที่ว่า “ใช้โอกาสและความสามารถที่แต่ละคนมี มาร่วมกันทำเรื่องใหญ่ๆในเวลาสั้นๆ” คงเหลือที่เป็นความฝันที่อยากจะส่งต่อพลังไปสู่บุคลากร แถว 2 ของเราอีก 2 เรื่อง
เรื่องแรกคือ การสร้าง “สถาบันการจัดการเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน” มาเพื่อเป็นที่บ่มเพาะต้นกล้าแห่งศรัทธา เพื่อให้เจริญเติบโตและขยายไปเป็นวงกว้าง
ส่วนความฝันเรื่องที่ 2 เราต้องการขยายองค์กรและแนวคิดไปสู่ตลาดโลก เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาด โดยรู้ถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค
เราเป็นองค์กรธุรกิจเล็กๆของประเทศนี้ที่กำหนดตัวเองให้ “สรรค์สร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (Green Sustainble Society)” ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ มองเห็นว่าสิ่งแวดล้อมเป็นทรัพยากรธรรมชาติอย่างหนึ่งที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่า เป็นต้นทาง “รายได้ประชาชาติของประเทศ” ซึ่งเห็นและจับต้องได้ด้วยสัมผัสของพวกเราทุกคน ซึ่งเป็นเจ้าของ และต้องมีส่วนร่วมในการปกป้องสมบัติสาธารณะร่วมกัน